Post Views:
83
Digital (Crypto) Currency สกุลเงินแห่งศตวรรษที่ 21
หลายท่าน ๆ ช่วงเวลาที่ผ่านมาอาจได้ยินคำว่า บิทคอยน์ (Bitcoin),ไลท์คอยน์ (LiteCoin), DarkCoin, DodgeCoin แล้วอาจเกิดความสงสัยว่ามันคืออะไร หลายคนคิดว่าเหล่านี้อาจเป็นเรื่อง e-payment หรืออาจเป็นพวก Virtual Currency (เงินเสมือนจริง) แต่โดยความเป็นจริงแล้วอาจกล่าวได้ว่าสิ่งเหล่านี้คือระบบเงินตราที่มีความเป็นดิจิตอล (Digital Currency) กำลังจะสร้างนิเวศน์ดิจิตอล (Digital Ecosystem) อันใหม่ขึ้น และกำลังจะเข้าไปสร้างปรากฏการณ์ Digital Disruption ต่อวงการระบบการเงินปกติที่มีอยู่ทุกวันนี้ เงินตราสกุลหลักที่ได้รับความเชื่อถือเช่นเงินตราสกุลดอลลาห์สหรัฐอเมริกา เงินปอนด์ของอังกฤษ เงินยูโรของยุโรป สร้างผลกระทบเงินเยนญี่ปุ่น ยังรวมไปถึงทองคำด้วย เมื่อระบบการเงินตราสกุลดิจิตอลสามารถรบกวนเงินตราสกุลหลักของโลกได้ก็ย่อมส่งผลต่อเงินตราสกุลต่าง ๆที่ ถูกผลิตออกมาบนพื้นฐานของการอ้างอิงจำนวนทองคำและเงินตราสกุลหลัก นั่นย่อมหมายถึงการท้าทายต่อการกำกับดูแลของธนาคารกลางในแต่ละประเทศ ที่มีหน้าที่จะต้องรักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ
การเติบโตขึ้นของความต้องการ เงินตราสกุลดิจิตอล มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเริ่มต้นเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว เงินตราสกุลดิจิตอลเหล่านี้ได้รับการยอมรับและได้รับความเชื่อถือว่ามีมูลค่าสามารถใช้แลกเปลี่ยนเงินตราได้เกือบทุกสกุล สามารถใช้ซื้อของได้ตั้งแต่พิซซ่าไปจนรถยนต์หรูได้
แนวโน้มความต้องการเงินตราสกุลดิจิตอลมีทิศทางอย่างไร?
เมื่อ เงินตราสกุลดิจิตอล ได้รับเชื่อถือว่าเป็นเงินตราสกุลหนึ่งแล้ว แต่มีความแตกต่างกับเงินตราสกุลต่าง ๆ โดยปกติอยู่มากพอสมควร โดยมีที่สำคัญดังนี้
- ไม่ได้ถูกควบคุมดูแลโดยธนาคารกลางของประเทศใดประเทศหนึ่ง รวมทั้งไม่ได้ถูกควบคุมด้วยคนใดคนหนึ่งหรือบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เงินตราสกุลดิจิตอลถูกออกแบบตามแนวทาง Decentralized ผู้ที่ควบคุมดูแลให้เกิดการแลกเปลี่ยนได้เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่เป็น Digital Currency Miner ซึ่งก็คือใครก็ได้ที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตและเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบการตรวจสอบ Transaction ต่าง ๆ ของการจ่ายเงินดิจิตอล หรือการรับเงินดิจิตอล โดยการตรวจสอบของกลุ่ม Digital Currency Miner จะได้รับ Digital Coin (Currency) เป็นค่าตอบแทน ที่สำคัญใครก็ได้สามารถเข้าไปเป็น Digital Currency Miner ได้ กล่าวโดยสรุปเงินตราในระบบปกติปัจจุบันธนาคารกลางของประเทศเป็นผู้กำหนดแบบศูนย์กลาง (Centralize) ว่าจะพิมพ์หรือผลิตออกมาเท่าใด รวมทั้งกำกับดูแลเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบเงินตราของประเทศนั้น แต่ระบบเงินตราสกุลดิจิตอลเป็นของมนุษยชาติการดูแลตรวจสอบดำเนินการเป็นแบบกระจาย (Decentralize) โดยกลุ่ม Digital Coin Miner โดยเปิดโอกาสให้ใคร ๆ ก็สามารถเป็นได้ ด้วยเหตุผลนี้ย่อมเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะเร่งการเติบโตของเงินตราสกุลดิจิตอลที่เปิดโอกาสให้กับคนทั่วไปสามารถเข้ามาได้ผลประโยชน์จากการดำเนินการการกำกับดูแลแทนที่ธนาคารกลางที่ดำเนินการในระบบการเงินปกติ
- ไม่มีสภาพทางกายภาพ (Physical) ไม่ได้เป็นเหรียญหรือแบงค์ เหมือนเงินตราสกุลต่างสามารถใช้ได้ในสถานที่ต่างๆได้ทั่วโลก โดยเฉพาะที่สำคัญการเติบโตขึ้นของผู้ค้าจำนวนมากที่ยอมรับการซื้อขายสินค้าด้วยบิทคอยน์
ที่มา: Coinsource.net
จากภาพจะเห็นได้ว่าอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ค้าที่รับการชำระเป็นเงินตราสกุลบิทคอยน์มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตรา 42% ต่อปีโดยคาดการณ์ว่าในช่วงปลายปีนี้จะมีผู้ค้าที่รับเงินตรากสกุลบิทคอยน์เพิ่มเป็นถึงประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นราย
รายชื่อผู้ค้าชื่อดังที่รับการชำระด้วยสกุลเงินบิทคอยน์ ที่มา: Cointelegraph.com
- บิทคอยน์ สร้างความมั่นคงปลอดภัยด้วยต้นทุนต่ำกว่าการพิมพ์ธนบัตรหรือการผลิตเหรียญ เป็นความได้เปรียบของระบบเงินตราสกุลดิจิตอลเพราะว่าในการผลิตธนบัตรจำเป็นที่จะต้องใส่เทคโนโลยีราคาแพงเพื่อป้องกันการปลอมแปลงขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นภาพโฮโลแกรม, ลาดน้ำ, หมึกอิเลกทรอนิคส์, กระดาษที่มีคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ ในขณะที่เงินตราสกุลดิจิตอลใช้เทคโนโลยี Cryptography ซึ่งการทำเป็นเพียงการเขียนซอฟต์แวร์เพื่อให้เกิดการทำงานขึ้น และด้วยต้นทุนที่ต่ำจะทำให้เกิดผลต่อเนื่องไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้เช่นการโอนเงิน ระหว่างประเทศ
ที่มา
Digital (Crypto) Currency สกุลเงินแห่งศตวรรษที่ 21
Digital (Crypto) Currency สกุลเงินแห่งศตวรรษที่ 21
หลายท่าน ๆ ช่วงเวลาที่ผ่านมาอาจได้ยินคำว่า บิทคอยน์ (Bitcoin),ไลท์คอยน์ (LiteCoin), DarkCoin, DodgeCoin แล้วอาจเกิดความสงสัยว่ามันคืออะไร หลายคนคิดว่าเหล่านี้อาจเป็นเรื่อง e-payment หรืออาจเป็นพวก Virtual Currency (เงินเสมือนจริง) แต่โดยความเป็นจริงแล้วอาจกล่าวได้ว่าสิ่งเหล่านี้คือระบบเงินตราที่มีความเป็นดิจิตอล (Digital Currency) กำลังจะสร้างนิเวศน์ดิจิตอล (Digital Ecosystem) อันใหม่ขึ้น และกำลังจะเข้าไปสร้างปรากฏการณ์ Digital Disruption ต่อวงการระบบการเงินปกติที่มีอยู่ทุกวันนี้ เงินตราสกุลหลักที่ได้รับความเชื่อถือเช่นเงินตราสกุลดอลลาห์สหรัฐอเมริกา เงินปอนด์ของอังกฤษ เงินยูโรของยุโรป สร้างผลกระทบเงินเยนญี่ปุ่น ยังรวมไปถึงทองคำด้วย เมื่อระบบการเงินตราสกุลดิจิตอลสามารถรบกวนเงินตราสกุลหลักของโลกได้ก็ย่อมส่งผลต่อเงินตราสกุลต่าง ๆที่ ถูกผลิตออกมาบนพื้นฐานของการอ้างอิงจำนวนทองคำและเงินตราสกุลหลัก นั่นย่อมหมายถึงการท้าทายต่อการกำกับดูแลของธนาคารกลางในแต่ละประเทศ ที่มีหน้าที่จะต้องรักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ
การเติบโตขึ้นของความต้องการ เงินตราสกุลดิจิตอล มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเริ่มต้นเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว เงินตราสกุลดิจิตอลเหล่านี้ได้รับการยอมรับและได้รับความเชื่อถือว่ามีมูลค่าสามารถใช้แลกเปลี่ยนเงินตราได้เกือบทุกสกุล สามารถใช้ซื้อของได้ตั้งแต่พิซซ่าไปจนรถยนต์หรูได้
แนวโน้มความต้องการเงินตราสกุลดิจิตอลมีทิศทางอย่างไร?
เมื่อ เงินตราสกุลดิจิตอล ได้รับเชื่อถือว่าเป็นเงินตราสกุลหนึ่งแล้ว แต่มีความแตกต่างกับเงินตราสกุลต่าง ๆ โดยปกติอยู่มากพอสมควร โดยมีที่สำคัญดังนี้
ที่มา: Coinsource.net
จากภาพจะเห็นได้ว่าอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ค้าที่รับการชำระเป็นเงินตราสกุลบิทคอยน์มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตรา 42% ต่อปีโดยคาดการณ์ว่าในช่วงปลายปีนี้จะมีผู้ค้าที่รับเงินตรากสกุลบิทคอยน์เพิ่มเป็นถึงประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นราย
รายชื่อผู้ค้าชื่อดังที่รับการชำระด้วยสกุลเงินบิทคอยน์ ที่มา: Cointelegraph.com
ที่มา
IESORN CHAISANE
More Posts
IESORN CHAISANE