สวัสดีปีใหม่ 2558 ค่ะ ก่อนอื่นขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุขกาย สบายใจ อยากได้อะไรขอให้ได้สมดังปรารถนาทุกประการ……….
วันนี้มีเรื่องเล่า “มัน” คืออะไร
ย้อนผ่านไปประมาณ ปีที่แล้ว เอ๊ะ!!เหมือนนาน แต่เมื่อธันวาคมที่ผ่านมา ดิฉันได้ไปพักโรงแรมแห่งหนึ่งหัวมุมพอดี๊พอดี.ตลาดกิมหยง หาดใหญ่ จ.สงขลา ขณะนั้น Check in ประมาณเวลา 22.30 น. ขณะยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์กรอกฟอร์มเข้าพัก มีพนักงานหน้าเคาน์เตอร์เป็นสาว 3 คน ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้น A=พนักงานโรงแรมคนที่หนึ่ง B=พนักงานโรงแรมคนที่สอง O=แขกคนอื่นๆบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ I=ฉัน
กริิ๊งงงงงงง…..เสียงโทรศัพท์ดัง
A=รับสาย ปลายสายเป็นแขกผู้พัก
ฺA=คุยเสร็จ (AหันมาคุยกับB อัตราระดับเสียงดังและได้ยินชัดถ้อยชัดคำ ขณะที่ดิฉันและแขกคนอื่นกำลังยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ห่างหันไม่เกินหนึ่งวา) “มันโทรมาบอกว่ามันจะย้ายห้อง…มันจะเปลี่ยนห้อง..”
I=ฉันตกใจมาก เงยหน้าขึ้นไปจ้องตาเสมือนประหนึ่งว่าขอให้เธอคิดได้แล้วหยุดพูด โดยในใจฉันคิดว่างานบริการโดยเฉพาะยืนบริการหน้าฟร้อนท์โรงแรม แขกยืนอยู่หัวโด่ข้างหน้า คุณยังใช้คำว่า “มัน” เรียกเป็นสรรพนามแทนแขกผู้มาใช้หรือจะใช้บริการอีกเหรอแทนที่จะเรียกสรรรพนามที่สามอื่นๆเช่น คุณ เขา คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง แขกห้อง…แขกจาก…อะไรกันเนี่ยยย หลังจาก Check in เสร็จ กลัวเลยค่ะทีนี้..กลัวว่าเธอจะเรียกดิฉันว่า “มัน” ลับหลังตอนฉันขึ้นห้องพักหรือปล่าว
ตั้งแต่จำความได้ตอนเรียนภาษาไทย “มัน” ใช้แทนสรรพนามที่ 3 แทนสิ่งไม่มีชีวิต ไม่มีตัวตน ไม่ใช่รึ??? หรือบางทีอาจจะใช้แทนคนที่เกลียด 555 นี่พนักงานเขาเกลียดแขกผู้พักรึไงค่ะ????
ที่เล่ามานี้ไม่ได้อะไรน่ะค่ะ แค่อยากเล่า Case Study เรื่องการบริการให้เพื่อนๆฟัง…….เลยย้อนกลับไปคิดว่าดิฉันเองทำงานประชาสัมพันธ์ ก็มีภาระงานที่ต้องบริการผู้คนเช่นกัน ซึ่งมองภาพแล้วรู้สึกว่าคนเพียงแค่คนสองคน คำพูดไม่กี่คำ ไม่กี่นาที แต่ทำให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์องค์กร ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกไม่ดีต่อองค์กร เสียทั้งภาพลักษณ์ และอาจจะเสียรายได้ในอนาคตโดยผู้ใช้บริการไม่กลับมาใช้บริการเลยก็เป็นไปได้
ฉะนั้นองค์กร ผู้บริหาร หรือพนักงานในองค์กร ต้องให้ความสำคัญกับการบริการค่อนข้างสูง และระลึกเสมอว่าพื้นฐานของงานบริการ คือ การทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความประทับใจเมื่อมาใช้บริการทุกครั้ง ปัจจุบันเป็นยุคของการแข่งขัน ยุคแห่งทางเลือก ยุคแห่งโซเชียล ใครทำอะไรรู้เร็ว แพร่กระจายเร็ว มหาวิทยาลัยในฐานะองค์กรหนึ่งที่มีผู้มาใช้บริการหลายกลุ่ม หลายวัย ดังนั้น ณ วันนี้ คิดว่าเราควรรู้จักการทำงานบนพื้นฐานการบริการ
การบริการ คืออะไร????? การบริการ คือ การให้ความช่วยเหลือหรือการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นการบริการที่ดีผู้รับบริการจะได้รับความประทับใจและเกิดความชื่นชมองค์กร อันเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กรเบื้องหลังความสำเร็จของทุกงาน มักจะมีงานบริการเป็นเครื่องมือในการสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นงานประชาสัมพันธ์งานบริการวิชาการต่างๆ ตลอดทั้งความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจจากเจ้าหน้าที่ทุกระดับซึ่งจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนพัฒนางานบริการให้มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ
การบริการเริ่มต้นไม่ยากเลย!! วันนี้จึงเอามาตรฐานการบริการซึ่งดิฉันได้หยิบยกมาจาก UTK ราชมงคลกรุงเทพ พอคล่าวๆ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการบริการดังนี้ค่ะ
มาตรฐานการต้อนรับผู้รับบริการ
1.สอบถามความต้องการของผู้รับบริการก่อนเสมอ
2.สอบถามความต้องการโดยใช้คำพูด “สวัสดีครับ/ค่ะ ต้องการติดต่อเรื่องอะไรครับ/ค่ะ”
3.อำนวยความสะดวกแก่ผู้รับบริการด้วยความเต็มใจ
4.ให้การต้อนรับผู้รับบริการด้วยอัธยาศัยไมตรีอันดี
5.มองสบตา พายิ้มพิมพ์ใจ ปราศรัยทักทายผู้มารับบริการก่อนเสมอ
6.ขณะให้บริการ ต้องมีความกระฉับกระเฉง กระตือรือร้น เสมอ
7.ให้บริการแก่ผู้รับบริการทุกคนด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกันตามลำดับ ก่อน-หลั
8.ถ้าหากมีผู้รับบริการมาก เกิดการบริการที่ล่าช้าหรือมีข้อผิดพลาดใดๆ ต้องกล่าวคำว่า “ขอโทษ” เสมอ
9.ให้บริการภายในเวลาที่กำหนด หากดำเนินการไม่ได้ ต้องชี้แจงเหตุผลให้ผู้รับบริการ ทราบด้วยวาจาที่สุภาพ
มาตรฐานการรับโทรศัพท์
1.รับโทรศัพท์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก หากมีเหตุผลจำเป็นต้องรับโทรศัพท์ช้าไม่ควร ให้เสียงกริ่งดังเกิน 3 ครั้ง
2.กล่าวคำทักทาย โดยพูดว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ, (ชื่อหน่วยงาน), (ชื่อผู้รับโทรศัพท์), รับสายครับ/ค่ะ”
3.เมื่อผู้รับบริการแจ้งความต้องการแล้ว ให้ผู้รับโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมารับสายโดยเร็ว
4.กรณีที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่อยู่หรือไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้ ให้ผู้รับโทรศัพท์สอบถาม รายละเอียดต่างๆ จากผู้ที่โทรเข้ามา เช่น ชื่อผู้โทร เบอร์ติดต่อกลับ เรื่องที่ต้องการจะติดต่อเพื่อ แจ้ง ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป
ทีนี้รู้หรือยังว่างานบริการ “มัน” คืออะไร…^_^
ผมนี้ ..เคยไปซื้อแกงถุง ณ ร้านขายข้าวแกงแห่งหนึ่ง ณ ขณะนั้นมีลูกค้าก่อนหน้ากำลังสั่งแกงถุงอยู่ก่อน ขณะที่แม่ค้ากำลังจะตักแกงใส่ถุงอยู่แล้ว ลูกค้ารายนั้นรีบโพล่งออกมา เดี๋ยวๆ เอาแกงนี้ดีกว่า แม่ค้าก็วางช้อนที่ตักแกงและเปลี่ยนแกงให้เสร็จสรรพ ลูกค้าก็จ่ายเงินรับแกงถุงเดินออกจากร้านออกรถไปไม่ทันจะพ้นร้าน แม่ค้า: “Yes… ไม่คิดให้ดีก่อนจะสั่งอะไร ดีนะกูไม่ทันตัก” ผมนี้ อึ้ง…ไปเลย ขณะนั้นในใจก็คิดอยู่นานว่าจะสั่งอะไรดี อีกใจก็คิดว่าตอนออกจากร้านไปแล้ว “มัน จะด่ากรูป่าวว๊ะ”…