ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาล ประเพณีถือศีลกินผัก’ หรือ เจียะฉ่าย’ ซึ่งก็คือ เทศกาลกินเจ’ ของคนเชื้อสายจีนทั่วโลกนั่นเอง ปีนี้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระ  สำหรับประวัติประเพณีถือศีลกินผักจุดเริ่มต้นเกิดขึ้น ณ ที่อำเภอกะทู้ ซึ่งประเพณีถือศีลกินผัก มีหลากหลายตำนาน ที่น่าสนใจยิ่งจากประเทศจีน แต่สำหรับเกาะสวรรค์แห่งนี้แล้ว มีหลักฐานว่า เริ่มต้นพิธีครั้งแรกที่อำเภอกะทู้ เมื่อ 184 ปี  ใน พ.ศ. 2368 มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ว่า …พระยาถลาง ได้ย้ายเมืองมาตั้งที่บ้านเก็ตโฮ่ ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ดีบุก แต่ตอนนั้นยังเป็นป่าทึบ ชุมชุกด้วยไข้มาเลเรีย ต่อมามีคณะงิ้วปั่วฮี่ จากเมืองจีนมาเปิดการแสดง ชาวคณะได้เกิดล้มป่วยลง คณะงิ้วจึงได้ประกอบพิธีกินผักขึ้น เพื่อบวงสรวงเทพเจ้า กิ๋วฮ๋องไต่เต่และ ยกอ๋องซ่งเต่การณ์ปรากฏว่า โรคภัยไข้เจ็บได้หายไปหมดสิ้น จากนั้นมา ชาวกะทู้เกิดความศรัทธาสูงสุด จึงประกอบพิธีกินผักขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 (ตามปฏิทินจีน) รวม 9 วัน 9 คืน มาเป็นประจำทุกปี จนถึงทุกวันนี้

เมื่อถึงประเพณีกินเจ เคยมีคำถามจากคนนอกเขตพื้นที่ หรือเพื่อนต่างชาติบ้างไหมคะว่า “ทานเจเพื่ออะไร?” ซึ่งคำตอบในการทานเจก็มีหลากหลายคำตอบ แต่ถ้าเราลองคำตอบดูจากข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนิตยสาร วารสาร ต่าง ๆ ก็จะพบคำตอบที่ว่าจุดประสงค์หลักสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
1. กินเพื่อสุขภาพ อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อกินติดต่อกันไปช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ใน สภาวะสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ
2. กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรมและมีจิตสำนึกอันดีงามย่อมไม่อาจกินเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจและที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตายเช่นเดียวกับคนเรา
3. กินเพื่อเว้นกรรม ผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งย่อมตระหนักว่าการกินซึ่งอาศัยการฆ่าเพื่อเอาเลือด เนื้อผู้อื่นมาเป็นองเราเป็นการสร้างกรรม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าเองก็ตาม การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่าเพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามา ขาย กรรมที่สร้างนี้จะติดตามสนองเราในไม่ช้าทำให้สุขภาพร่างกายอายุขัยของเรา สั้นลงเป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อผู้หยั่งรู้เรื่องกฎแห่งกรรมนี้จึงหยุดกินหยุดฆ่าหันมารับประทานอาหาร เจ ซึ่งทำให้ร่างกายเติบโตได้เหมือนกัน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น พืชผักผลไม้ถือว่าเป็นยาดีๆ นี่เอง

อ้าวแล้วการทาน “มังสวิรัติ” กับ “การถือศีลกินเจ” ต่างกันอย่างไร

   สำหรับ “มังสวิรัติ” คือการงดเว้นรับประทานเนื้อสัตว์ แต่สามารถรับประทานผลิตผลที่ได้จากสัตว์เช่น ไข่ นม ชีส ได้ นอกจากนี้ยังรับประทานผักผลไม้ได้ทุกชนิดโดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีข้อห้ามเกี่ยวกับการแต่งกาย แม้กระทั่งการมีเพศสัมพันธ์

สำหรับ“การถือศีลกินเจ” คือการงดบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตผลที่ได้จากสัตว์ ไข่ นม และชีส ก็รับประทานไม่ได้ รับประทานได้เพียงอาหารที่ปรุงจากพืชผัก ถั่ว ผลไม้ เท่านั้น โดยเฉพาะผักต้องห้าม 5 ชนิดที่ห้ามรับประทาน นอกจากนี้การถือศีลกินเจยังมีข้อห้ามในเรื่องการแต่งหน้าทาปาก การประทินโฉมและการแต่งกาย(ด้วยชุดขาวเท่านั้น) ทำจิตใจให้อยู่ในศีลธรรม คิด พูด ทำในสิ่งดี(เข้าโรงเจไหว้พระไหว้เจ้า)ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างที่ถือศีล กินเจ

ไม่ว่าการทานเจ หรือมังสวิรัติ จะทานเจเพื่ออะไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดของการบริโภคคือ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารให้ครบก็เพียงพอ

 

แหล่งข้อมูล : กองบรรณาธิการ.  2556.  “เจียะฉ่าย มรดกแห่งประเพณี”จาก http://www.phuketbulletin.

co.th/Culture/view.php?id=558

มามะมาดูแลแอร์กันดีกว่า
ความหมายของดอกไม้จันทน์ที่ใช้ในงานพระราชพิธีทั้ง ๗ ชนิด

Leave a Comment